สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 4-10 มกราคม 2562

 

ข้าว
 
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต2561/62
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.)ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 เห็นชอบในหลักการมาตรการฯ ด้านการผลิตและการตลาด ทั้งหมด10 โครงการดังนี้
(1) ด้านการผลิต*ได้แก่
1) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่)
2) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์
3) โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง
4) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision Farming)
5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ
6) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข 43 เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร
7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
หมายเหตุ * ด้านการผลิต เป็นโครงการที่หน่วยงานดำเนินการตามปกติ จึงไม่นำเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณามาตรการฯ
(2) ด้านการตลาด
- มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24กรกฎาคม 2561 อนุมัติการดำเนินโครงการและวงเงินงบประมาณที่ใช้ช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 ด้านการตลาด จำนวน 3 โครงการ ได้แก่
1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
- มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11กันยายน 2561 อนุมัติทบทวนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/61 ตามมติคณะกรรมการนบข.เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้
(1) กรณีเกษตรกรฝากเก็บข้าวไว้ที่สหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกร ให้ปรับปรุงให้ค่าเก็บรักษาข้าวเปลือก
(2) เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันไว้ในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บของตนเองเท่านั้น
(3) ปรับปรุงวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกโดยบรรจุข้าวเปลือกในกระสอบป่านหรือถุง Big bag และวางเรียงในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บเพื่อสะดวกในการตรวจสอบ หรือเก็บข้าวในยุ้งฉางที่ยกพื้นสูงหรือไซโล (SILO) ยกเว้นกรณีเทกองจะต้องมีระบบการระบายอากาศ เพื่อการรักษาคุณภาพข้าวเปลือกไม่ให้เสื่อมสภาพตลอดระยะเวลาโครงการ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิสัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 15,300 บาท
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,931 บาท
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 34,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,650 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,750 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.85
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,146 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,372 บาท/ตัน)
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 410 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,013 บาท/ตัน)
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 402 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,759 บาท/ตัน)
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 410 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,013 บาท/ตัน)
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 31.7385

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

          เวียดนาม
          ภาวะราคาข้าวขาว 5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 โดยราคาลดลงมาอยู่ที่ตันละ 370-375 ดอลลาร์สหรัฐ จากตันละ 385 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ท่ามกลางภาวการณ์ค้าที่ลดลง เนื่องจากการส่งออกข้าวไปยังประเทศจีนมีแนวโน้มลดลงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของทางการจีนที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ขณะที่ภาวะราคาข้าวเปลือกฤดูการผลิตฤดูร้อน (summer-autumn crop) ในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ ณ วันที่ 4 มกราคม 2562 ราคาอยู่ที่ประมาณ 6.1-6.4 พันด่อง หรือประมาณตันละ 263-276 ดอลลาร์สหรัฐ
          วงการค้าข้าวคาดว่า เกษตรกรบางส่วนอาจจะปรับเปลี่ยนไปทำการประมงมากขึ้น หลังจากที่มีการคาดการณ์ว่า การส่งออกข้าวไปยังประเทศจีนมีแนวโน้มลดลง ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ราคาข้าวในประเทศมีแนวโน้มลดลงด้วย
          ทางด้านผู้อำนวยการบริษัท Vietnam Southern Food Corporation ซึ่งเป็นบริษัทผู้ส่งออกสินค้าเกษตร
รายใหญ่ของเวียดนาม เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวและสินค้าเกษตรอื่นๆ ของเวียดนามไปจีน ในปี 2562 อาจได้รับผลกระทบจากการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นของจีน แม้ว่าสินค้าเกษตรของเวียดนามเป็นที่นิยมอย่างมากในจีนก็ตาม
          ทั้งนี้ ในปี 2561 ที่ผ่านมา เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 6.15 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 3.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 และร้อยละ 19.6 เมื่อเทียบกับปี 2560
          มีรายงานว่า ผู้ส่งออกข้าวเวียดนามบางรายได้แสดงความกังวลต่อความท้าทายบางประการที่กำหนดไว้
ในพระราชกฤษฎีกาส่งออกข้าวใหม่ (The Decree 107) ที่รัฐบาลเพิ่งประกาศออกมา ซึ่งมีการเปิดเสรีภาคการส่งออก ข้าวและมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตข้าว โดยที่พระราชกฤษฎีกาอนุญาตให้ผู้ค้าข้าวสามารถส่งออกข้าวได้ไม่จำกัดจำนวน แม้จะไม่มีโรงเก็บและโรงสีก็ตาม ซึ่งบทบัญญัตินี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกสามารถขยายตลาดและส่งเสริมการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตข้าว
          กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (The Ministry of Industry and Trade; MoIT) ตั้งข้อสังเกตว่าพระราชกฤษฎีกากำหนดบทบาทที่ชัดเจนสำหรับหน่วยงานของรัฐและผู้ประกอบการเอกชน นอกจากนี้รัฐบาลจะยังคงให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย การคาดการณ์แนวโน้มของตลาด การประเมินความเสี่ยง และการควบคุมราคา
          ในขณะเดียวกันผู้ส่งออกบางรายแสดงความกังวลว่า การเปิดเสรีค้าข้าวตามบทบัญญัติในพระราชกฤษฎีกานี้
อาจนำไปสู่การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากผู้ประกอบการที่ไม่ซื่อสัตย์ โดยพวกเขาแสดงความกังวลว่าการยกเลิกราคาข้าวพื้นฐาน (floor price) และการลงทะเบียนราคาข้าว (price registration) รวมถึงการเปิดเสรีด้านข้อกำหนดต่างมากขึ้นอาจส่งผลให้เกิดการค้าขายแบบตัดราคากันซึ่งจะส่งผลเสียต่อคุณภาพข้าวและมูลค่าการส่งออก
          กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ายังยอมรับว่า พระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่นี้มีความท้าทายอย่างมากต่อบริษัทส่งออกข้าว แต่ก็ระบุว่าความท้าทายเหล่านี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาในตลาดที่กำลังเติบโต
          กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (Ministry of Agriculture and Rural Development: MARD)
ได้ประกาศโลโก้เครื่องหมายการค้า “VIETNAM RICE” ในงาน The 3 rd Vietnam Rice Festival ระหว่าง วันที่ 18-24 ธันวาคม 2561 ณ จังหวัด Long An ในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงของเวียดนาม ซึ่งการประกาศใช้เครื่องหมายการค้า “ข้าวเวียดนาม” ครั้งนี้ ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของสินค้าข้าวเวียดนาม หลังจากที่เริ่มมีการส่งออกข้าวเข้าสู่ตลาดโลกเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2532 และเมื่อปี 2560 เวียดนามสามารถส่งออกข้าวเป็นอันดับ 3 ของโลก ปริมาณ 5.8 ล้านตัน หรือมูลค่า 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
          ทั้งนี้ นอกจากเครื่องหมายการค้าข้าวเวียดนามจะได้รับความคุ้มครองในระดับสากลแล้ว เวียดนามยังได้ออกกฎระเบียบเพื่อใช้ในการกำกับเครื่องหมายดังกล่าวด้วย กล่าวคือ Decision 1499/QD-BNN-CBTTNS 2018 กำหนดว่าผู้ประกอบการหรือหน่วยงานที่จะใช้เครื่องหมายการค้าข้าวเวียดนาม ต้องมีเอกสารใบรับรองจัดตั้งบริษัท/ ใบรับรองการลงทุนที่ในการผลิต แปรรูป และขายข้าว และใบรับรองสุขอนามัย หรือ Good Manufacturing Practice (GMP), Hazard Analysis and Critical Control Points (HACCP), ISO 2 2 0 0 0 (Food Safety Management System ISO 2 2 0 0 0 ), International Food Standard (IFS), FSSC 2 2 0 0 0 (Food Safety System Certification 22000) นอกจากนั้น ผู้ประกอบการยังต้องชำระภาษีครบถ้วนและมีการป้องกันสิ่งแวดล้อม สำหรับข้าวที่ได้รับเครื่องหมายการค้า “VIETNAM RICE” คือ ข้าวขาว ข้าวหอม Jasmine และข้าวเหนียว
          ที่มา : สมาคมผู้ผลิตข้าวไทย
 
          ฟิลิปปินส์
          องค์การอาหารแห่งชาติ (The National Food Authority; NFA) รายงานว่ามีผู้มายื่นขอนำเข้าข้าวตามโครงการนำเข้าข้าวนอกโควตา (the out-quota scheme) จำนวน 166 ราย (ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 4 มกราคม 2562) รวมแล้วประมาณ 1 ล้านตัน โดยแจ้งว่าจะนำเข้าจากประเทศไทย เวียดนาม เมียนมาร์ และไต้หวัน ซึ่งข้าวที่ขอนำเข้ามีหลายชนิด เช่น ข้าวข้าว 5%, 15%, 25% และข้าวเหนียว เป็นต้น
          ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว สภาองค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Authority Council; NFAC) ได้อนุมัติโครงการนำเข้าข้าวนอกโควตา (the out-quota importation) โดยไม่จำกัดจำนวน เพื่อหวังจะช่วยให้ราคาข้าวในประเทศปรับตัวลง ซึ่งอนุญาตให้ผู้ค้าข้าวสามารถยื่นขออนุญาตนำเข้าข้าวได้โดยผู้นำเข้าต้องเสียภาษีนำเข้าที่อัตรา 35% หากนำเข้าจากประเทศในกลุ่มอาเซียน (ASEAN countries) แต่หากนำเข้าจากประเทศอื่นๆ (non-ASEAN)
จะเสียภาษีในอัตรา 50%
          ที่มา : สมาคมผู้ผลิตข้าวไทย
 
          อุรุกวัย
          สำนักงานส่งเสริมการค้า (the Uruguay XXI (National Customs Administration) รายงานว่า ในปี 2561
ที่ผ่านมา อุรุกวัยส่งออกข้าวประมาณ 845,758 ตัน มูลค่าประมาณ 397 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยชนิดข้าวที่ส่งออกประกอบด้วยข้าวเปลือก 67,531 ตัน ข้าวกล้อง 99,328 ตัน ข้าวสารที่สีแล้วหรือสีบางส่วน (semi milled/wholly-milled rice) 614,802 ตัน และข้าวหัก 64,096 ตัน โดยประเทศอิรักเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุด จำนวน 218,300 ตัน ตามด้วยประเทศเปรู จำนวน 176,960 ตัน ประเทศบราซิล จำนวน 76,657 ตัน เม็กซิโก จำนวน 80,898 ตัน เวเนซูเอล่า จำนวน 76,694 ตัน และเซียร์ร่าลีโอน จำนวน 41,149 ตัน
          ประเทศอุรุกวัยประสบปัญหาด้านต้นทุนการผลิตที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยในปีการผลิต 2561 สมาคม เกษตรกรผู้ปลูกข้าวของอุรุกวัย (The Association of Rice Growers) ระบุว่า ต้นทุนการผลิตข้าวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 296 ดอลลาร์สหรัฐต่อไร่ ซึ่งส่งผลให้เกษตรกรมีกำไรลดลง
          ที่มา : สมาคมผู้ผลิตข้าวไทย



กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
 
 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ 
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.99 บาท และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.94 บาท ส่วนสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีรายงานราคา
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ10.16 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.18 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.20 ส่วนราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 327.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,378 บาท/ตัน) ลดลงจากตันละ 329.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,558 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.61 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 180 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2562 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 380.68 เซนต์ (4,820 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากบุชเชลละ 376.40 เซนต์ (4,818 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.14 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 2 บาท


 


มันสำปะหลัง
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต

ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2562 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.40 ล้านไร่ ผลผลิต 29.97 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.57 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2561
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.03 ล้านไร่ ผลผลิต 27.88 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.47 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ สูงขึ้นร้อยละ 4.61 ร้อยละ 7.50 และร้อยละ 2.88 ตามลำดับ โดยเดือนมกราคม 2561  
คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 4.76 ล้านตัน (ร้อยละ 15.89 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2562 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2562 ปริมาณ 20.08 ล้านตัน (ร้อยละ 67 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ โรงงานแป้งมันสำปะหลังและลานมันเส้นส่วนใหญ่หยุดดำเนินการผลิต ส่งผลให้หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดลดลง
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) 
สัปดาห์นี้ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 218 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,996 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อนในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ (7,051 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 455 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,601 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อนในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ (14,716 บาทต่อตัน)
 
 


ปาล์มน้ำมัน
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2562 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 1.381  ล้านตันคิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.235 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.349 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.229 ล้านตัน ของเดือนธันวาคม 2561 คิดเป็นร้อยละ 2.37 และร้อยละ 2.62 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 2.67 บาท                                                  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 17.25 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา                      
2.  ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียปรับตัวสูงขึ้น 
ราคาน้ำมันปาล์มดิบซื้อขายล่วงหน้าตลาดมาเลเซียส่งมอบในเดือนมีนาคม 2562 ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 2,202 ริงกิตต่อตัน (535.38 ดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เนื่องจากในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมฤดูกาลการผลิตปาล์มน้ำมันลดลงและราคาจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจากกสำรวจการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียในช่วง 10 วันแรกของเดือนมกราคม 2562 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการที่อินเดียได้ปรับลดภาษีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบส่งผลให้การส่งออกเพิ่มขึ้น และในเดือนธันวาคม 2561 การส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซีย ปริมาณอยู่ที่ 1.3 ล้านตัน สำหรับในปี 2562 คาดว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 
ราคาในตลาดต่างประเทศ   
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 2,100.86 ดอลลาร์มาเลเซีย  (16.56 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 2,019.48 ดอลลาร์มาเลเซีย  (15.97 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.03    
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 528.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ  (17.00 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 512.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ  (16.66 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.12          
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน
 
 


อ้อยและน้ำตาล 
 
 

 
ถั่วเหลือง
 
 

 
ยางพารา
 
 

 
สับปะรด

 

 
ถั่วเขียว
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.59 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 21.40 บาท
ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.79
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.00 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 25.67 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 2.61
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.00 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 15.33 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 4.37
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 27.33 บาท ของสัปดาห์ก่อน
ร้อยละ 4.87
 
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี        
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 849.00 ดอลลาร์สหรัฐ (26.95 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 839.33 ดอลลาร์สหรัฐ (27.09 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.15 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.14 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 754.00 ดอลลาร์สหรัฐ (23.93 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 745.33 ดอลลาร์สหรัฐ (24.06  บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.16 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.13 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 849.00 ดอลลาร์สหรัฐ (26.95 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 829.00 ดอลลาร์สหรัฐ (26.76 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.41 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.19 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 500.60 ดอลลาร์สหรัฐ (15.89 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 505.33 ดอลลาร์สหรัฐ (16.31 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.94 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.42 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 906.00 ดอลลาร์สหรัฐ (28.76 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 874.67 ดอลลาร์สหรัฐ (28.24 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.58 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.52 บาท


 

 
ถั่วลิสง
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้ 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.25 บาท

ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

 
 

 
ฝ้าย

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา

ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนมีนาคม 2562 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 72.80 เซนต์(กิโลกรัมละ 51.62 บาท) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 71.62 เซนต์ (กิโลกรัมละ 51.34 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.65และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.28 บาท


 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,613 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,653 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา  ร้อยละ 2.40
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,260 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,314 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา   ร้อยละ 4.10
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ  837 บาท   ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา    

 
 

 
ปศุสัตว์
 
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ  
สัปดาห์นี้ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเพิ่งผ่านเทศกาลวันหยุดเทศกาลวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทำให้ภาวะตลาดสุกรค่อนข้างคึกคัก  ส่งผลให้ความต้องการบริโภคมีมากขึ้น แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะสูงขึ้นเล็กน้อย   
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  62.23 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 60.43  บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.98 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 61.36 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 59.31 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 63.67 บาท  และภาคใต้ กิโลกรัมละ 61.25 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 1,900 บาท (บวกลบ 68 บาท)  สูงขึ้นจากตัวละ 1,800 บาท (บวกลบ 64 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมา   ร้อยละ 5.56
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.50  บาท  สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 5.93

 
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ในสัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้ทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา  เนื่องจากความต้องการบริโภคไก่เนื้อใกล้เคียงและสอดรับกับผลผลิตไก่เนื้อที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 33.67 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่    ผ่านมา   โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท  ภาคกลาง กิโลกรัมละ 32.89 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 39.86 บาท  และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 10.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา   
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ  32.50 บาท  และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  

 
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ   
สัปดาห์นี้ภาวะตลาดไข่ไก่ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา   เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฉลองเทศกาลวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่  ส่งผลให้ความต้องการบริโภคไข่ไก่มีมากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา  แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ  266 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 264 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.76 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 293 บาท  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 278 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 254 บาท  และภาคใต้ไม่มีรายงาน  ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 11.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 291 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา    

 

ไข่เป็ด

ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 326 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 328 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.61 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 359 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 334 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 295 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 368 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 340 บาท  ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  

 
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ  
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 88.10 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 87.61 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.56 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.99 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 83.98 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 84.78 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 101.01 บาท

 
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 69.92 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 70.25 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.47  โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.72 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.91 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา

 
 


 
ประมง

1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศการผลิต
เปลี่ยนถ่ายกระชังลูกใหม่หรือเพิ่มออกซิเจนในน้ำนช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่น้ำตาย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนบวกกับออกซิเจนในน้ำค่อนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 4 – 10 มกราคม 2562) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3-4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.00 บาท ส่วนสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 87.12 บาท ส่วนสัปดาห์ ที่ผ่านมาไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัม และราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร ขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 154.11 บาท ส่วนสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 156.67 บาท ส่วนสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีรายงานราคา
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 84.75 บาท ส่วนสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.00 บาท ส่วนสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 200.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.95 บาท ส่วนสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 4 – 10 มกราคม 2562) ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา